วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

การประเมินผลการเรียนรู้

การประเมินผลการเรียนรู้
มลิวัลย์  ผิวคราม  ( http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit1/level1-4.html )  ได้รวบรวมเนื้อหา เกี่ยวกับการวัดผลและประเมินผล ไว้ดังนี้
การวัดผล  การประเมินผล  และการสอบ  เป็นคำที่เกี่ยวข้องกัน  และมักเรียกรวมกันว่า การสอบวัดผล  การวัดผลประเมินผล   ซึ่งเป็นคำรวมกันคำละ  2 คำ  และมีคำซ้ำกันหนึ่งคำ  รวมมีคำที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 3 คำ   คือ คำว่า  การวัดผล (Measurement)   คำว่าการสอบ (Testing)  และคำว่า การประเมินผล (Evaluation) เป็นคำที่มีความหมายแตกต่างกัน  แต่มักจะใช้ควบคู่กันเสมอ  เพื่อให้มีความเข้าใจได้ชัดเจนและถูกต้อง ของคำดังกล่าว  ได้มีผู้ให้ความหมายไว้ดังนี้
            ความหมายของคำว่า  การวัดผล
การวัดผลเป็นการกำหนดจำนวนหรือปริมาณให้แก่สิ่งที่วัดโดยมีเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์  การวัดผลแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
           1. การวัดทางกายภาพศาสตร์ (Physical  Science) เป็นการวัดเพื่อหาจำนวน  ปริมาณของสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรม  มีตัวตนแน่นอน  เช่น  ความยาว  น้ำหนัก  พื้นที่  ปริมาตร  ขนาด  ส่วนใหญ่เป็นการวัดวัตถุ  สิ่งของ  การวัดทางด้านนี้มักเป็นรูปธรรม  มีเครื่องมือวัดที่ให้ผลเชื่อถือได้  มีหน่วยการวัดแน่นอน  เช่น  เป็นเมตร  เป็นกรัม  ซึ่งทำให้การวัดทางกายภาพศาสตร์ได้ผลการวัดที่ถูกต้องแม่นยำ
           2. การวัดทางสังคมศาสตร์ (Social  Science) เป็นการวัดเพื่อหาจำนวนหรือคุณภาพของสิ่งที่เป็นนามธรรม  ไม่มีตัวตนแน่นอน  ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย  เครื่องมือที่ใช้วัดมักขาดคุณภาพให้ผลเชื่อถือได้ต่ำ  เช่น  การวัดความรู้  การวัดการปรับตัวของ  นักเรียน  การวัดผลการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการวัดทางด้านสังคมศาสตร์  ซึ่งในปัจจุบันนี้     การวัดทางด้านนี้พยายามปรับปรุงวิธีการโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์เป็นรากฐานเพื่อให้ได้         ผลการวัดที่แน่นอน  ถูกต้องมากขึ้น
การวัดทั้งสองประเภท  เป็นการใช้ความพยายามที่จะกำหนดตัวเลขหรือสัญลักษณ์เพื่อใช้แทนปริมาณหรือคุณภาพของพฤติกรรมความสามารถของบุคคล  ผลการวัดที่ได้แต่ละครั้งจะแตกต่างกัน  มิได้มีลักษณะหรือคุณภาพเหมือนกันทุกครั้งไป  ทั้งนี้ย่อมขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการวัด  เครื่องมือที่ใช้วัด  รวมทั้งวิธีการวัดที่จะทำให้ผลการวัดมีลักษณะอย่างไรละเอียดหรือหยาบเพียงใด  ซึ่งการวัดสามารถจำแนกระดับของความละเอียดได้ 4 ระดับ ดังนี้ 

          ระดับที่ 1  มาตรานามบัญญัติ (Nominal  Scale) เป็นการกำหนดชื่อให้กับเรื่องราวหรือสิ่งของต่าง ๆ เช่น  เพศชาย  เพศหญิง  ชั้นประถมศึกษา  อาชีพรับราชการ  ชาวนา  ชาวสวน  เป็นต้น มาตราวัดระดับนี้เป็นเพียงแต่การจัดหมวดหมู่สิ่งที่มีลักษณะเดียวกันเข้าเป็นประเภทเดียวกันเท่านั้น  ซึ่งนับว่าเป็นมาตราการวัดที่หยาบที่สุด
          ระดับที่ 2  มาตราการจัดอันดับ (Ordinal  Scale) เป็นการจัดเรียงลำดับของสิ่งที่อยู่ ในหมวดหรือสกุลเดียวกัน  ให้ลดหลั่นตามลำดับปริมาณหรือคุณภาพ  เช่น  เก่ง  ค่อนข้างเก่ง  กลาง  หรือการจัดอันดับที่ 1  2  3  เป็นต้น  ซึ่งการจัดอันดับในมาตรานี้เป็นเพียงการบอกปริมาณและคุณภาพที่มีมากน้อยต่างกันเท่านั้น  แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละอันดับนั้นแตกต่างกันมากน้อยเพียงไร  และแต่ละชั้นนั้นห่างเท่ากันหรือไม่ 
           ระดับที่ 3 มาตราอันตรภาค (Interval  Scale) การกำหนดตัวเลขการวัดในระดับนี้  เป็นการแบ่งของที่อยู่ในลักษณะเดียวกันออกเป็นประเภทหรือช่วงที่เท่า ๆ กัน  เช่น 1 ชั่วโมงมี 30  นาที    1 วันมี 24 ชั่วโมง  ซึ่งการแบ่งเป็นช่วงเท่า ๆ กัน  ในลักษณะนี้ทำให้ข้อมูลที่ได้จากการวัดมีความหมายยิ่งขึ้น  เพราะสามารถนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบ  บวก  ลบ  กันได้  แต่มาตราการวัดระดับนี้ยังมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่  ศูนย์ที่ได้จากการวัดในมาตรานี้ยังไม่ใช่ศูนย์แท้ (Absolute  Zero) แต่เป็นเพียงศูนย์สมมุติเท่านั้น  เพราะศูนย์ในมาตราการวัดชนิดนี้มิได้หมายความว่าไม่มีอะไรเลย  แต่เป็นการสมมุติว่าไม่มี  แท้จริงยังมีลักษณะที่วัดนั้นอยู่บ้าง  
           ระดับที่ 4 มาตราอัตราส่วน  (Ratio  Scale) เป็นมาตราการวัดที่สมบูรณ์  คุณสมบัติของการกำหนดตัวเลขในมาตราการวัดนี้คือ  มีศูนย์แท้และมีช่วงที่เท่ากัน  เรียงขึ้นลงตามลำดับสม่ำเสมอ  เช่น  การวัดความยาวของสิ่งของ  ความยาวเท่ากับศูนย์หมายความว่าไม่มีความยาว  น้ำหนักศูนย์แสดงว่าไม่มีน้ำหนักสิ่งของที่มี  น้ำหนัก 10 กิโลกรัม  แสดงว่าน้ำหนักเป็น  2 เท่าของสิ่งของ กิโลกรัม  เป็นต้น    
   ความหมายของคำว่า  การประเมินผล   
            การประเมินผลเป็นกระบวนการที่ทำต่อเนื่องจากการวัดผลแล้ววินิจฉัย  ตัดสิน  ลงสรุป  เพื่อพิจารณาความเหมาะสมหรือหาคุณค่าของคุณลักษณะและพฤติกรรมอย่างมีกฎเกณฑ์และมีคุณธรรม  ซึ่งในการประเมินผลจะต้องมีองค์ประกอบหลัก 3 ประการ  คือ
           1. การวัดผล (Measurement) ทำให้ทราบสภาพความจริงของสิ่งที่จะประเมินว่ามีปริมาณเท่าไร  มีคุณสมบัติอย่างไร  เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับนำไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์
            2. เกณฑ์การพิจารณา (Criteria) ในการที่จะตัดสินว่าสิ่งใดดี เลว ใช้ได้ หรือใช้ไม่ได้นั้น  จะต้องมีหลักเกณฑ์หรือมีบรรทัดฐานที่ต้องการ  โดยนำผลการวัดนั้นมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้  หรือมาตรฐานที่ต้องการ  เกณฑ์การพิจารณาในการประเมินผลการศึกษานั้นก็คือจุดมุ่งหมายของการศึกษานั่นเอง
            3. การตัดสินใจ (Decision) เป็นการชี้ขาดหรือสรุปผลที่ได้จากการวัดเทียบกับเกณฑ์การเปรียบเทียบระหว่างผลการปฏิบัติ  ซึ่งได้จากการวัดกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ว่าสูงต่ำกว่ากันขนาดไหน  ทั้งนี้การตัดสินใจที่ดีต้องอาศัยการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทุกแง่มุม  และกระทำอย่างยุติธรรมโดยอาศัยสภาพและความเหมาะสมต่าง ๆ ประกอบ  หรือต้องมีคุณธรรม

            จากความหมายของการวัดผล  และการประเมินผล  แสดงว่ากระบวนการทั้งสองต่อเนื่องกันไป  กล่าวคือ  เมื่อมีการวัดผลแล้วจะได้รายละเอียดหลายด้าน  แล้วนำผลทั้งหลาย       มาพิจารณา  หรือที่เรียกว่าประเมินผล  ผลการประเมินจะถูกต้องเหมาะสมเพียงใดย่อมขึ้นกับ       ผลของการวัดเป็นประการสำคัญ  ทั้งการวัดผล  และการประเมินผล  จึงสัมพันธ์เกี่ยวโยงกัน      แต่อย่างไรก็ตามการวัดผล  และการประเมินผลยังมีลักษณะรายละเอียดที่แตกต่างกัน  ซึ่งพอจะเปรียบเทียบได้ดังนี้ 
การวัดผล
การประเมินผล
1.             เป็นการกำหนดจำนวน  ปริมาณ  หรือ   รายละเอียด
2.             กระทำอย่างละเอียดทีละด้านทีละอย่าง
3.             ใช้เครื่องมือเป็นหลัก
4.             ผลที่ได้เป็นข้อมูลรายละเอียด
5.             อาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
1.             เป็นการกำหนดระดับของคุณค่า หรือตัดสินลงสรุปผล
2.             สรุปผลเป็นข้อชี้ขาด
3.             ใช้ผลการวัดเป็นหลัก
4.             ผลที่ได้เป็นการตัดสินใจ
5.             อาศัยการใช้ดุลพินิจ

ประโยชน์ของการวัดผลและการประเมินผลการศึกษา
  การวัดผลและการประเมินผลทางการศึกษามีประโยชน์ต่อผู้เรียน  ครูผู้สอน  ผู้ปกครอง  การแนะแนว  การบริหารและการวิจัยการศึกษา  ดังรายละเอียดต่อไปนี้

     
       1.  ประโยชน์ต่อตัวนักเรียน
1.             ทำให้ผู้เรียนทราบจุดมุ่งหมายของการจัดการเรียนการสอนที่ชัดเจน
2.             ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเรียนเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้ผลการวัดและประเมินผลดีขึ้น
3.             ช่วยสร้างนิสัยในการใฝ่รู้ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน  เมื่อไม่สามารถตอบคำถามหรือตอบแบบทดสอบได้ผู้เรียนจะไปศึกษาเพิ่มเติมก่อให้เกิดนิสัยอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
4.             ทำให้ทราบถึงสถานภาพทางการเรียนของตนเองว่าเด่นด้อยในเรื่องใดควรได้รับการปรับปรุงอย่างไร

      2.  ประโยชน์ต่อครูผู้สอน
      1.  ทำให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นในด้านต่าง ๆ ของนักเรียน
      2.  ทำให้ทราบถึงผลการสอนของครูว่ามีประสิทธิผลมากน้อยเพียงไร
      3.  ทำให้ครูได้ข้อมูลในการปรับปรุงการจัดกิจกรรมการสอนหรือการกำหนดจุดมุ่งหมายในการสอนที่เหมาะสมต่อไป
      4.  ช่วยให้ครูกำหนดเทคนิควิธีการสอนที่เหมาะสมให้แก่นักเรียนเป็นรายบุคคลกรณีที่ประสงค์จะสอนเพิ่มเติมหรือสอนซ่อมเสริม
      3.  ประโยชน์ต่อผู้ปกครองนักเรียน
           ผู้ปกครองทราบถึงพัฒนาการหรือความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียนเป็นระยะๆ ดังนั้นจึงต้องให้ผู้ปกครองนักเรียนทราบด้วย  เพื่อที่ผู้ปกครองจะได้ใช้เป็นพื้นฐานการตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาต่อไป
     4.  ประโยชน์ต่องานแนะแนว
          ข้อมูลที่ได้จากการวัดผลและประเมินผลการศึกษา เช่นการวัดเจตคติ  การวัดความสนใจ  การวัดบุคลิกภาพ  การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การวัดความถนัด  เป็นข้อมูลของนักเรียนที่มีประโยชน์ต่องานแนะแนวในการให้คำแนะนำหรือข้อชี้แนะเกี่ยวกับการเลือกอาชีพ  การศึกษาต่อ  และปัญหาส่วนตัวของนักเรียนที่ประสบอยู่
     5.  ประโยชน์ต่อการบริหารการศึกษา
          การประเมินผลโดยภาพรวมของสถานศึกษานั้น ๆ จะเป็นข้อมูลบอกถึงประสิทธิภาพ   ในการจัดและการบริหารการศึกษา  และการวัดผลและการประเมินผลเป็นเครื่องมือในการดำเนินกิจกรรมหลาย ๆ ด้าน เช่นการคัดเลือกบุคลากรในตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ การสอบคัดเลือกการจัดแยกประเภทนักเรียนนักศึกษา และการประเมินผลการปฏิบัติงาน  เป็นต้น
      6.  ประโยชน์ในการวิจัยการศึกษา
          ข้อมูลทางการศึกษาที่ได้จากการวัดผลและประเมินผลการศึกษาด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านตัวนักเรียน  ตัวครู  ผู้บริหาร  บุคลากรในสถานศึกษา  งบประมาณ  ระบบการบริหาร   การจัดการ  และอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ นั้น จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่สามารถนำไปใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์เพื่อศึกษาวิจัยในประเด็นข้อสงสัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี  เพื่อให้ได้ผลการศึกษาวิจัยที่มีคุณภาพ  สามารถนำไปใช้พัฒนาระบบการศึกษาได้อย่างแท้จริง
สรุปสาระสำคัญ
  1.  กระบวนการเรียนการสอนมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกัน 4 ประการ  คือ  จุดมุ่งหมายของการสอน  พฤติกรรมพื้นฐานของผู้เรียน  การเรียนการสอน  และการวัดผลและประเมินผล
           2.  การวัดผลและประเมินผลมีบทบาทในกระบวนการเรียนการสอน 3 ระยะด้วยกัน  คือ ก่อนการเรียนการสอน  ระหว่างการเรียนการสอน  และหลังจากสิ้นสุดการเรียนการสอนแล้ว
           3.  การจัดการศึกษาเป็นกระบวนการที่มีระบบแบบแผนมีองค์ประกอบที่ สำคัญ 5 ประการ  คือ ปรัชญาหรือทิศทางในการจัดการศึกษา  หลักสูตรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการว่าผู้เรียนมีคุณภาพอย่างไร   การสอนที่ชักนำให้บรรลุตามหลักสูตร  การวัดผลและประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน  และการวิจัยเพื่อค้นหาปัญหาพัฒนาไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อไป
          4.  การวัดผลเป็นการกำหนดจำนวนหรือปริมาณให้แก่สิ่งที่วัด  โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภท  คือ การวัดผลทางกายภาพศาสตร์  และการวัดผลทางสังคมศาสตร์  ซึ่งผลการวัดสามารถจำแนกระดับของความละเอียดได้ 4 ระดับ  คือ ระดับนามบัญญัติ  ระดับจัดอันดับ  ระดับอันตรภาค  และระดับอัตราส่วน
           5.  การประเมินผล เป็นการสรุปผล  ซึ่งในการสรุปผลนั้นต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ  คือ  ผลของการวัด  เกณฑ์การพิจารณา  และการตัดสินใจ
           6.  การสอบเป็นการกำหนดจำนวนหรือปริมาณให้แก่สิ่งที่วัดโดยใช้ข้อสอบเป็นเครื่องมือหรือสิ่งเร้า  ซึ่งในการสอบจะมีองค์ประกอบ 4 ประการ  คือ  ผู้ถูกวัดคุณลักษณะ  ข้อสอบที่เป็นสิ่งเร้า  การดำเนินการสอบ  และผลการสอบแทนความสามารถของผู้ถูกวัด
          7.  การวัดและประเมินผลการศึกษามีข้อจำกัดที่สำคัญ 5 ประการ  คือ  เป็นการวัดทางอ้อม  วัดได้ไม่สมบูรณ์เป็นการวัดเชิงปริมาณ  ต้องสัมพันธ์กับสิ่งอื่น  และมีความคลาดเคลื่อนในการวัด
          8.  การวัดผลการศึกษามีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันดังนี้  คือ เพื่อจัดตำแหน่ง  เพื่อประเมินพัฒนาการ  เพื่อวินิจฉัย   เพื่อพยากรณ์  และเพื่อประเมินผล
          9.  การวัดผลและประเมินผลการศึกษาเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์หลายด้าน  ดังนี้คือ  ด้านการเรียนการสอน  ด้านการแนะแนว  ด้านการบริหาร  และด้านการวิจัย
  
ภูมิชนะ เกิดพงษ์  (https://www.gotoknow.org/posts/181202 )  ได้รวบรวมการวัดผลและประเมินผล  มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
การวัดผล กับการประเมินผล คืออะไร?
 ความหมายของการวัดผล (measurement)
การวัดผล หมายถึง กระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวเลข หรือสัญลักษณ์ ที่มีความหมายแทนคุณลักษณะ หรือคุณภาพของสิ่งที่วัด โดยใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพหารายละเอียดสิ่งที่วัดว่ามีจำนวนหรือปริมาณเท่าใด เช่น การวัดส่วนสูงของเด็กเป็นการแปลงคุณลักษณะด้านความสูงออกมาเป็นตัวเลขว่าสูงกี่เซนติเมตรหรือนักเรียนสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้ 20 คะแนน ก็เป็นการแปลงคุณภาพด้านความสามารถในวิชาคณิตศาสตร์ออกมาเป็นตัวเลข โดยใช้แบบทดสอบ เป็นต้น
 ความหมายของการประเมินผล (evaluation)
การประเมินผล หมายถึงกระบวนการที่กระทำต่อจากการวัดผล แล้ววินิจฉัยตัดสิน ลงสรุปคุณค่าที่ได้จากการวัดผลอย่างมีกฎเกณฑ์ และมีคุณธรรม เพื่อพิจารณาตัดสินใจว่าสิ่งนั้นดีหรือเลว เก่งหรืออ่อน ได้หรือตก เป็นต้น
          ดังนั้น การวัดผลและการประเมินผลมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ การวัดผลจะทำให้ได้ตัวเลข ปริมาณ หรือรายละเอียดของคุณลักษณะหรือพฤติกรรมของบุคคล จากนั้นจะนำเอาผลการวัดนี้ไปพิจารณาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้เพื่อตัดสิน หรือลงสรุปเกี่ยวกับสิ่งนั้น ซึ่งเรียกว่าการประเมินผล
           การวัดผลและประเมินผลการศึกษา เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนการสอนตลอดเวลา ซึ่งจุดมุ่งหมายของการวัดผลและประเมินผลนั้น ไม่ใช่เฉพาะการนำผลการวัดไปตัดสินได้-ตก หรือใครควรจะได้เกรดอะไรเท่านั้น แต่ควรนำผลการวัดและประเมินนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาในหลาย ๆ ลักษณะดังนี้
1. เพื่อค้นและพัฒนาสมรรถภาพของนักเรียน หมายถึงการวัดผลและประเมินผลเพื่อดูว่านักเรียนบกพร่องหรือไม่เข้าใจในเรื่องใด ตอนใด แล้วครูพยายามสอนให้นักเรียนเกิดความรู้ มีความเจริญงอกงามตามศักยภาพของตนเอง จุดมุ่งหมายข้อนี้สำคัญมาก หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็น ปรัชญาการวัดผลการศึกษา (ชวาล แพรัตกุล. 2516 : 34)
2. เพื่อจัดตำแหน่ง (placement) การวัดผลและประเมินผลวิธีนี้เพื่อเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นๆ โดยอาศัยกลุ่มเป็นเกณฑ์ว่าใครเด่น-ด้อย ใครได้อันดับที่ 1 ใครสอบได้-ตก หรือใครควรได้เกรดอะไร เป็นต้น การวัดผลและประเมินผลวิธีนี้เหมาะสำหรับการตัดสินผลการเรียนแบบอิงกลุ่ม และการคัดเลือกคนเข้าทำงาน
3. เพื่อวินิจฉัย (diagnostic) เป็นการวัดผลและประเมินผลที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหาความบกพร่องของผู้เรียนว่าวิชาที่เรียนนั้นมีจุดบกพร่องตอนใด เพื่อที่จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข ซ่อมเสริมส่วนที่ขาดหายไปให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในกระบวนการเรียนการสอนเรียกว่าการวัดผลย่อย (formative measurement)
4. เพื่อเปรียบเทียบ (assessment) เป็นการวัดผลและประเมินผลเพื่อเปรียบเทียบตนเอง หรือ เพื่อดูความงอกงามของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาที่ต่างกัน ว่าเจริญงอกงามเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากน้อยเพียงใด เช่น การเปรียบเทียบผลก่อนเรียน(pre-test) และหลังเรียน (post-test)
  5. เพื่อพยากรณ์ (prediction) เป็นการวัดผลและประเมินผลเพื่อทำนายอนาคตต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร นั่นคือเมื่อเด็กคนหนึ่งสอบแล้วสามารถรู้อนาคตได้เลยว่า ถ้าการเรียนของเด็กอยู่ในลักษณะนี้ต่อไปแล้วการเรียนจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในเรื่องของการแนะแนวการศึกษาว่านักเรียนควรเรียนสาขาใด หรืออาชีพใดจึงจะเรียนได้สำเร็จ แบบทดสอบที่ใช้วัด  จุดมุ่งหมายในข้อนี้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดความถนัด (aptitude test) แบบทดสอบวัดเชาว์ปัญญา (intelligence test) เป็นต้น
6. เพื่อประเมินผล(evaluation)เป็นการนำผลที่ได้จากการวัดไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เพื่อตัดสินลงสรุปให้คุณค่าของการศึกษา หลักสูตรหรือ เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลว่าเหมาะสมหรือไม่ และควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
ประโยชน์ของการวัดผลและประเมินผลการศึกษา
การวัดผลและประเมินผลการศึกษา มีประโยชน์ต่อกระบวนการเรียนการสอนเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการตัดสินใจของครู ผู้บริหารและนักการศึกษา ซึ่งพอจะสรุปประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ (อนันต์ ศรีโสภา. 2522 : 1-2)
1. ประโยชน์ต่อครู ช่วยให้ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมเบื้องต้นของนักเรียน ครูก็จะรู้ว่านักเรียนมีความรู้พื้นฐานพร้อมที่จะเรียนในบทต่อไปหรือไม่ ถ้าหากว่านักเรียนคนใดยังไม่พร้อมครูก็จะหาทางสอนซ่อมเสริม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูปรับปรุงเทคนิคการสอนให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพอีกด้วย
2. ประโยชน์ต่อนักเรียน ช่วยให้นักเรียนรู้ว่าตัวเองเก่งหรืออ่อนวิชาใด เรื่องใด ความสามารถของตนอยู่ในระดับใด เพื่อที่จะได้ปรับปรุงตนเอง ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องทางการเรียนของตนให้ดียิ่งขึ้น
3. ประโยชน์ต่อการแนะแนว ช่วยให้แนะแนวการเลือกวิชาเรียน การศึกษาต่อ การเลือกประกอบอาชีพของนักเรียนให้สอดคล้องเหมาะสมกับความรู้ความสามารถและบุคลิกภาพตลอดจนช่วยให้สามารถแก้ปัญหาทางจิตวิทยา อารมณ์ สังคมและบุคลิกภาพต่างๆของนักเรียน
4. ประโยชน์ต่อการบริหาร ช่วยในการวางแผนการเรียนการสอน ตลอดจนการบริหารโรงเรียน ช่วยให้ทราบว่าปีต่อไปจะวางแผนงานโรงเรียนอย่างไร เช่น การจัดครูเข้าสอน การส่งเสริมเด็กที่เรียนดี การปรับปรุงรายวิชาของโรงเรียนให้ดีขึ้น เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังมีประโยชน์ต่อการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
5. ประโยชน์ต่อการวิจัย ช่วยวินิจฉัยข้อบกพร่องในการบริหารงานของโรงเรียน การสอนของครูและข้อบกพร่องของนักเรียน นอกจากนี้ยังนำไปสู่การวิจัย การทดลองต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษามาก
6. ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง (พิตร ทองชั้น. 2524 : 7) ช่วยให้ทราบว่าเด็กในปกครองของตนนั้น มีความเจริญงอกงามเป็นอย่างไร เพื่อเตรียมการสนับสนุนในการเรียนต่อ ตลอดจนการเลือกอาชีพของเด็ก

ฉัตรศิริ ปิยะพิมลสิทธิ์ ( http://www.watpon.com/Elearning/mea1.htm  ) ได้กล่าวถึงการวัดผลและประเมินผลไว้ดังนี้
การวัดผลและประเมินผล : ความหมายและประเภท
การวัดผล (Measurement) คือการกำหนดตัวเลขให้กับวัตถุ สิ่งของ เหตุการณ์ ปรากฎการณ์ หรือพฤติกรรมต่าง ๆ หรืออาจใช้เครื่องมือไปวัดเพื่อให้ได้ตัวเลขแทนคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น ใช้ไม้บรรทัดวัดความกว้างของหนังสือได้ 3.5 นิ้ว ใช้เครื่องชั่งวัดน้ำหนักของเนื้อหมูได้ 0.5 กิโลกรัม ใช้แบบทดสอบวัดความรอบรู้ในวิชาภาษาไทยของเด็กชายแดงได้ 42 คะแนน เป็นต้น
การวัดผลแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1. วัดทางตรง วัดคุณลักษณะที่ต้องการโดยตรง เช่น ส่วนสูง น้ำหนัก ฯลฯ มาตราวัดจะอยู่ในระดับ Ratio Scale
2. วัดทางอ้อม วัดคุณลักษณะที่ต้องการโดยตรงไม่ได้ ต้องวัดโดยผ่านกระบวนการทางสมอง เช่น วัดความรู้ วัดเจตคติ วัดบุคลิกภาพ ฯลฯ มาตราวัดจะอยู่ในระดับ Interval Scale
การวัดทางอ้อมแบ่งออกเป็น 3 ด้านคือ
2.1 ด้านสติปัญญา (Cognitive Domain) เช่น วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วัดเชาวน์ปัญญา วัดความถนัดทางการเรียน วัดความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ
2.2 ด้านความรู้สึก (Affective Domain) เช่น วัดความสนใจ วัดเจตคติ วัดบุคลิกภาพ วัดความวิตกกังวล วัดจริยธรรม ฯลฯ
2.3 ด้านทักษะกลไก (Psychomotor Domain) เช่น การเคลื่อนไหว การปฏิบัติโดยใช้เครื่องมือ ฯลฯ
การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง การนำเอาข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวัดรวมกับการใช้วิจารณญาณของผู้ประเมินมาใช้ในการตัดสินใจ โดยการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ เพื่อให้ได้ผลเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เนื้อหมูชิ้นนี้หนัก 0.5 กิโลกรัมเป็นเนื้อหมูชิ้นที่เบาที่สุดในร้าน (เปรียบเทียบกันภายในกลุ่ม) เด็กชายแดงได้คะแนนวิชาภาษาไทย 42 คะแนนซึ่งไม่ถึง 50 คะแนนถือว่าสอบไม่ผ่าน (ใช้เกณฑ์ที่ครูสร้างขึ้น) เป็นต้น
การประเมินผลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท การประเมินแบบอิงกลุ่มและการประเมินแบบอิงเกณฑ์
1. การประเมินแบบอิงกลุ่ม เป็นการเปรียบเทียบคะแนนจากแบบทดสอบหรือผลงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่งกับบุคคลอื่น ๆ ที่ได้ทำแบบทดสอบเดียวกันหรือได้ทำงานอย่างเดียวกัน นั่นคือเป็นการใช้เพื่อจำแนกหรือจัดลำดับบุคคลในกลุ่ม การประเมินแบบนี้มักใช้กับการ การประเมินเพื่อคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ หรือการสอบชิงทุนต่าง ๆ
2. การประเมินแบบอิงเกณฑ์ เป็นการเปรียบเทียบคะแนนจากแบบทดสอบหรือผลงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่งกับเกณฑ์หรือจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้ เช่น การประเมินระหว่างการเรียนการสอนว่าผู้เรียนได้บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ได้กำหนดไว้หรือไม่
ข้อแตกต่างระหว่างการประเมินผลแบบอิงกลุ่มและอิงเกณฑ์
การประเมินผลแบบอิงกลุ่ม
1. เป็นการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้กับคะแนนของคนอื่น ๆ
2. นิยมใช้ในการสอบแข่งขัน
3. คะแนนจะถูกนำเสนอในรูปของร้อยละหรือคะแนนมาตรฐาน
4. ใช้แบบทดสอบเดียวกันทำหรับผู้เรียนทั้งกลุ่มหรืออาจใช้แบบทดสอบคู่ขนาน เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบกันได้
5. แบบทดสอบมีความยากง่ายพอเหมาะ มีอำนาจจำแนกสูง
6. เน้นความเที่ยงตรงทุกชนิด
การประเมินแบบอิงเกณฑ์
1. เป็นการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้กับเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้
2. สำหรับการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนหรือเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน
3. คะแนนจะถูกนำเสนอในรูปของผ่าน-ไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
4. ไม่ได้เปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบบทดสอบฉบับเดียวกันกับผู้เรียนทั้งชั้น
5. ไม่เน้นความยากง่าย แต่อำนาจจำแนกควรมีพอเหมาะ
6. เน้นความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา

สรุปการประเมินผลการเรียนรู้
จากข้อมูลข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า  การวัดผลเป็นการกำหนดจำนวนหรือปริมาณให้แก่สิ่งที่วัด  โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภท  คือ การวัดผลทางกายภาพศาสตร์  และการวัดผลทางสังคมศาสตร์  ซึ่งผลการวัดสามารถจำแนกระดับของความละเอียดได้ 4 ระดับ  คือ ระดับนามบัญญัติ  ระดับจัดอันดับ  ระดับอันตรภาค  และระดับอัตราส่วน  การประเมินผล เป็นการสรุปผล  ซึ่งในการสรุปผลนั้นต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ  คือ  ผลของการวัด  เกณฑ์การพิจารณา  และการตัดสินใจ การวัดผลและประเมินผลการศึกษามีประโยชน์มากต่อครูผู้สอนช่วยให้ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมเบื้องต้นของนักเรียน  อีกทั้งมีประโยชน์ในการแนะแนวศึกษาต่อ และวัดความรู้ของนักเรียนว่าอยู่ในระดับใด

ที่มา
มลิวัลย์  ผิวคราม. [Online]   http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit1/level1-4.html .  การวัดผลและประเมินผลการศึกษา. เข้าถึงเมื่อวันที่ 9 กันยายน  2558.
ภูมิชนะ เกิดพงษ์ . [Online ] https://www.gotoknow.org/posts/181202.   การวัดผลประเมินผล . เข้าถึงเมื่อวันที่  9 กันยายน  2558.
ฉัตรศิริ ปิยะพิมลสิทธิ์. [Online]  http://www.watpon.com/Elearning/mea1.htm .  การวัดผลและประเมินผล. เข้าถึงเมื่อวันที่  10 กันยายน  2558.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น