วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การสอนแบบบูรณาการ (integration instruction)


การสอนแบบบูรณาการ (integration instruction)
ภาศกร   พันธุ์รอด (  http://202.44.34.144/kmit/knowledge_detail.php?IDKM=334  ) ได้รวบรวมความคิดเห็นแล้วสรุปการสอนแบบบูรณาการ มีใจความต่อไปนี้
บูรณาการ  หมายถึง การนำศาสตร์หรือความรู้วิชาต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันนำมาเข้าด้วยกันหรือผสมผสานได้อย่างกลมกลืน เพื่อนำมาจัดเป็นการเรียนการสอนภายใต้หัวข้อเดียวกัน เชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการเน้นองค์รวมของเนื้อหามากกว่าองค์ความรู้ของแต่ละรายวิชา และเน้นการสร้างความรู้ของผู้เรียนที่มากกว่า การให้เนื้อหาโดยครูเป็นผู้กำหนด
ลักษณะสำคัญของการสอนแบบบูรณาการ
1.เป็นการบูรณาการระหว่างความรู้ กระบวนการ และการปฏิบัติ
2.เป็นการบูรณาการระหว่างวิชาได้อย่างกลมกลืน
3.เป็นการบูรณาการระหว่างสิ่งที่เรียนกับชีวิตจริง
4.เป็นการบูรณาการเพื่อจัดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาต่างๆ
5.เป็นการบูรณาการให้เกิดความสัมพันธ์กันระหว่างความคิดรวบยอดของวิชาต่าง ๆ เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย
การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
การจัดการเรียนการสอนในการเขียนแผนการสอนของผู้สอนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท (การเขียนแผนแบบบูรณาการมีมากกว่านี้ ตามความเหมาะสม) ดังนี้
(1)การบูรณาการภายในวิชา มีจุดเน้นอยู่ภายในวิชาเดียวกันอาจนำวิชาต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันมาบูรณาการกันเองของวิชานั้นและไม่แยกหรือขยายไปกับวิชาอื่น
(2)การบูรณาการระหว่างวิชา มีจุดเน้นอยู่ที่การนำวิชาอื่นเข้าเชื่อมโยงด้วยกัน ตั้งแต่ 2 วิชาขึ้นไป โดยภายใต้หัวข้อเดียวกันว่าวิชาใดที่สามารถนำเข้ามาบูรณาการด้วยกันได้ ไม่จำเป็นว่าต้องทุกวิชา หรือทุกกลุ่มประสบการณ์เข้าด้วยกัน หรืออาจครบทุกวิชาหรือทุกกลุ่มประสบการณ์ก็ได้
การวางแผนการจัดทำแผนแบบบูรณาการ
การจัดทำแผนการสอนแบบบูรณาการ เป็นการนำวิชาการต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์กันมาเชื่อมโยงกัน ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างหัวข้อเรื่องที่มีความสอดคล้องกับวิชานั้น ๆ เข้าด้วยกัน ผู้สอนต้องคำนึงสิ่งต่อไปนี้
1. การเลือกหัวเรื่อง จากประเด็นต่าง ๆ ที่ต้องการเรียน เช่น ประเด็นแนวคิด ประเด็นของเนื้อหา เมื่อได้แล้วนำจุดประสงค์ของแต่ละรายวิชา ที่ต้องการให้เกิดการเรียนรู้ของผู้เรียน เข้ามาสร้างเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
2. การนำจุดประสงค์ของรายวิชาต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันมาสร้างเป็นหัวข้อเรื่องและนำมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
ประโยชน์ของการบูรณาการ
1. เป็นการนำวิชาหรือศาสตร์ต่าง ๆ เชื่อมโยงกันภายใต้หัวข้อเดียวกัน
2. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนที่ลึกซึ้ง และมีลักษณะใกล้เคียงกับชีวิตจริง
3. ช่วยให้ผู้เรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจ ในลักษณะองค์รวม
4. ช่วยให้ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ ความเข้าใจ จากสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัว
5. เป็นแนวทางที่ช่วยให้ครูได้ทำงานร่วมกัน หรือประสานงานร่วมกันอย่างมีความสุข
6. ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูได้คิดวิธีการหรือนำเทคนิคใหม่ ๆ มาใช้
ทำอย่างไรจึงจะจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
1. ผู้สอนมีความเชื่อมั่นและเข้าใจตรงกันในเรื่องการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
2. ผู้สอนได้วางแผน ได้คิดกระบวนการเรียนรู้และมีการประเมินผลร่วมกัน
3. ต้องยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางให้ผู้เรียนสามารถค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเองและได้ลงมือปฏิบัติจริง
4. เน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากการนำวิชาต่าง ๆ เชื่อมโยงกันมากกว่าที่จะเกิดจากเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่งเท่านั้น
5. มีการนำข้อมูล ทรัพยากรท้องถิ่น และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาจัดการเรียนรู้แบบองค์รวมหรือแบบบูรณาการ
จะรู้ได้อย่างไรว่าได้มีการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
เราจะทราบได้อย่างไรว่ามีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการแล้วหรือยังโดยดูได้จากหัวข้อต่อไปนี้
1. ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกเรียนตามความถนัด ความสนใจของตนเอง
2. มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย กว้างขวางตามความพร้อมของผู้เรียน
3. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิด ได้ทำ ได้แก้ปัญหา ได้ค้นพบคำตอบด้วยตนเอง และผู้เรียนลงมือปฏิบัติเองโดยมีผู้สอนเป็นเพียงให้คำแนะนำให้คำปรึกษา
4. มีการเชื่อมโยงเนื้อหาในวิชาเดียวกัน หรือต่างวิชา
5. มีการยืดหยุ่นเวลาเรียนได้ตามสถานการณ์
6. มีการเชื่อมโยงสาระสำคัญหรือความคิดรวบยอดต่าง ๆ อย่างมีความหมาย

ยาเบ็น   เรืองเจริญศรี(  http://www.kroobannok.com/blog/39220 )  ได้รวบรวมการสอนแบบบูรณาการ ดังนี้
ความหมายการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
                กระทรวงศึกษาธิการ  (2546:19)  อ้างถึงใน  พระเทพเวที,2531:24)  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การบูรณาการ  หมายถึงการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงศาสตร์สาขาต่างๆ  ที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกัน  เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ที่มีความหมาย  มีความหลากหลายและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
                สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  (2540:6)  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การสอนแบบบูรณาการ  หมายถึงการเชื่อมโยงวิชาหนึ่งเข้ากับวิชาอื่นๆ  ในการสอน  เช่น  การเชื่อมโยงวิชาวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์และภาษาไทย  การเชื่อมโยงวิชาวิทยาศาตร์กับสังคมศึกษา  การเชื่อมโยงวิชาศิลปะกับภาษาไทย เป็นต้น
                โศภนา  บุณยะกลัมพ  (2546:8)  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การสอนแบบบูรณาการ  หมายถึงการสอนซึ่งนำเอาสาระการเรียนรู้ต่างๆ  เข้ามาผสมผสานกันเพื่อประโยชน์แก่ผู้เรียน  โดยใช้สาระการเรียนรู้ใดสาระการเรียนรู้หนึ่งเป็นแกนหลักแล้วขยายวงกว้างขวางออกไป  เพื่อให้การเรียนรู้ของผู้เรียนเกิดความสมบูรณ์ในตัวของเขาเอง
                นิรมล  ศตวุฒิ  (2547:74)  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การสอนแบบบูรณา  หมายถึงการจัดให้ผู้เรียนเรียนรู้ในลักษณะองค์รวม (Holistic  Way)  ระหว่างวิชาต่างๆ อย่างมีความหมายตามสภาพความเป็นจริงในชีวิตหรือสภาพปัญหาสังคมที่ซับซ้อน
                จากที่กล่าวมาพอสรุปความหมาย การสอนแบบบูรณาการได้ว่า  เป็นการเชื่อมโยงวิชาหนึ่งเข้ากับวิชาอื่นๆ  ในการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้ที่หลากหลาย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
รูปแบบของการบูรณาการ  (Models  of  Integration)
                รูปแบบของการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการมี  4  รูปแบบ  คือ
        1.  การสอนบูรณาการแบบสอดแทรก  (Infusion  Instruction)
            การสอนรูปแบบนี้ครูผู้สอนในวิชาหนึ่งสอดแทรกเนื้อหาของวิชาอื่น ๆ  เข้าไปในการสอนของตน  เป็นการวางแผนการสอนและสอนโดยครูเพียงคนเดียว
         2.  การสอนบูรณาการแบบขนาน  (Parallel  Instruction)
               การสอนตามรูปแบบนี้  ครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน  ต่างคนต่างสอนแต่ต้องวางแผนการสอนร่วมกันโดยมุ่งสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน (Theme/concept/problem)  ระบุสิ่งที่ร่วมกันและตัดสินในร่วมกันว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้นๆ  อย่างไรในวิชาของแต่ละคน  งานหรือการบ้านที่มอบหมายให้นักเรียนทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิชา  แต่ทั้งหมดจะต้องมีหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน
           3.  การสอนบูรณาการแบบสหวิทยาการ  (Multidisciplinary  Instruction)
                 การสอนตามรูปแบบนี้คล้าย ๆ  กับการสอนบูรณาการแบบขนาน (Parallel  Instruction)  กล่าวคือครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน  มุ่งสอนหัวเรื่อง ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกันต่างคนต่างแยกกันสอนเป็นส่วนใหญ่  แต่มีการมอบหมายงาน  หรือโครงการ (Project)  ร่วมกัน  ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงสาขาวิชาต่าง ๆ  เข้าด้วยกัน  ครูทุกคนจะต้องวางแผนร่วมกันเพื่อที่จะระบุว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้น ๆ  ในแต่ละวิชาอย่างไร  และวางแผนสร้างโครงการร่วมกัน(หรือกำหนดงานจะมอบหมายให้นักเรียนทำร่วมกัน)  และกำหนดว่าจะแบ่งโครงการนั้นออกเป็นโครงการย่อย ๆ  ให้นักเรียนปฏิบัติแต่ละรายวิชาอย่างไร
 อนึ่ง  พึงเข้าใจว่าคำว่า  โครงการ”  นี้มีความหมายเดียวกันกับคำว่า  โครงงาน”  มาจากภาษาอังกฤษคำเดียวกันคือ  “Project”  หลายท่านอาจคุ้นกับคำว่า  โครงงาน มากกว่า  เช่น  โครงงานวิทยาศาสตร์”  ซึ่งก็อาจเรียกว่า   โครงการวิทยาศาสตร์”  ได้เช่นเดียวกัน
        4.  การสอนบูรณาการแบบข้ามวิชาหรือเป็นคณะ  (Transdisciplinary  Instrction)
  การสอนตามรูปแบบนี้ครูที่สอนวิชาต่าง ๆ  จะร่วมกันสอนเป็นคณะหรือเป็นทีม  ร่วมกันวางแผน  ปรึกษาหารือ  และกำหนดหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน  แล้วร่วมกันดำเนินการสอนนักเรียนกลุ่มเดียวกัน
การสร้างบทเรียนแบบบูรณาการ
                การสร้างบทเรียนแบบบูรณาการมี  2  ลักษณะคือ  การสอนบูรณาการตามรูปแบบที่  1  และ  2  และการสอนบูรณาการตามรูปแบบที่  3  และ  4
                การสอนตามรูปแบบที่  1  (Infusion  Instruction)  และรูปแบบที่  2  (Parallel  Instruction)  มี  2  วิธีคือ
                วิธีที่หนึ่ง  เลือกหัวเรื่อง (Theme)  ก่อนแล้วดำเนินการพัฒนาหัวเรื่องให้สมบูรณ์  มีกำหนดวัตถุประสงค์ของกิจกรรมให้ชัดเจน  กำหนดแหล่งข้อมูลหรือทรัพยากรที่จะใช้ในการค้นคว้าและเรียนรู้และพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนและอื่นๆ  ตามลำดับ
                วิธีที่สอง  เลือกจุดประสงค์รายวิชาจาก  2  รายวิชาขึ้นไปก่อน  แล้วนำมาสร้างเป็นหัวเรื่อง  (Theme)  ที่ร่วมกันระหว่างจุดประสงค์ที่เลือกไว้กำหนดแหล่งข้อมูลหรือทรัพยากรที่ใช้ในการค้นคว้าและเรียนรู้และพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนและอื่นๆ  ตามลำดับ
                มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
                วิธีที่หนึ่ง  เลือกหัวเรื่องก่อน
 ขั้นที่  1  เลือกหัวเรื่อง  (Theme)  โดยวิธีต่อไปนี้
1.       ระดมสมองของครูและนักเรียน
2.       เน้นที่การสอดคล้องกับชีวิตจริง
3.       ศึกษาเอกสารต่างๆ
4.     ทำหัวเรื่องให้แคบลงโดยคำนึงถึงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงความสะดวกในการเชื่อมโยงระหว่างวิชาความรู้ และความสนใจของนักเรียน
ขั้นที่  2  พัฒนาหัวเรื่อง  (Theme)  ดังนี้
1.       เขียนวัตถุประสงค์โดยกำหนดความรู้และความสามารถที่ต้องการ จะให้เกิดแก่ผู้เรียน เขียนวัตถุประสงค์ในลักษณะที่จะช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างวิชา กำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนเพื่อนำไปสู่กิจกรรม
2.       กำหนดเวลาในการสอนให้เหมาะสมกับกำหนดเวลาต่างๆ ตามปฏิทินของโรงเรียน เช่น จำสอนเมื่อใด ใช้เวลาเท่าไร ยืดหยุ่นได้หรือไม่ ต้องใช้เวลาออกสำรวจหรือทำกิจกรรมนอกห้องเรียนหรือไม่ ฯลฯ
3.       จองเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการกระทำกิจกรรม
 ขั้นที่  3  ระบุทรัพยากรที่ต้องการ  ควรคำนึงถึงทรัพยากรที่หาได้ง่าย  แล้วติดต่อแหล่งทรัพยากร
 ขั้นที่  4  พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน  ดังนี้
1.       พัฒนากิจกรรมที่ช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงกับเนื้อหาวิชาอื่น
2.       ตั้งจุดมุ่งหมายของกิจกรรมให้ชัดเจน
3.       เลือกวิธีที่ครูวิชาต่างๆ จะทำงานร่วมกันเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างวิชา
4.       เลือกวิธีการสอนที่จะใช้
5.       สร้างเอกสารแนะนำการปฏิบัติกิจกรรม
6.       สิ่งที่ครูควรจะต้องเตรียมล่วงหน้าอาจประกอบด้วยสิงต่อไปนี้
-          ใบความรู้
-          ใบงาน
-          แบบบันทึก (ซึ่งอาจเป็นแบบที่ครูออกแบบให้เลย หรืออาจเป็นแบบบันทึกที่นักเรียนจะต้องช่วยกันออกแบบก็ได้)
-          สื่อและอุปกรณ์อื่นๆ

-          แบบประเมิน
ขั้นที่  5  ดำเนินการตามกิจกรรมการเรียนการสอนที่เตรียมไว้โดย
-          พยายามปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ แต่อาจปรับกิจกรรมตามความสนใจของนักเรียน
-          ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตลอดหน่วยการเรียน
-          ร่วมมือกับครูคนอื่น มีการพบกันเป็นระยะเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า
             ขั้นที่  6  ประเมินความก้าวหน้าของนักเรียน   โดยครูควรกระทำตลอดเวลาเพื่อประโยชน์    ในการปรับปรุงงานครูอาจให้นักเรียนประเมินผลตนเองก็ได้ครูควรใช้วิธี     ประเมินผลที่หลากหลายและให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง  เช่น  สังเกตวิธีการและขั้นตอนในการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียนตรวจผลงาน  ทอสอบ  ประเมินจากการนำเสนอรายงานหรือผลงานของนักเรียน  ประเมินจากการแสดง นิทรรศการของนักเรียน  การสัมภาษณ์นักเรียน ฯลฯ
ขั้นที่  7  ประเมินกิจกรรมการเรียนการสอน  โดยครูสำรวจจุดเด่น-จุดด้อย  ของกิจกรรม                 แล้วบันทึกไว้เพื่อนำไปปรับปรุง
ขั้นที่  8  แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างครูด้วยกันเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนากิจกรรม  ในครั้งต่อๆไป
                วิธีที่สอง  เลือกจุดประสงค์การเรียนรู้ก่อน
                ขั้นที่  1  เลือกจุดประสงค์การเรียนรู้จาก  2  รายวิชาขึ้นไปที่จะนำมาบูรณาการกันโดย จะต้องพิจารณาว่าจุดประสงค์นั้น ๆ  เกี่ยวข้องกันหรือไม่  และเกี่ยวข้องกันอย่างไร  ถ้าหากมีความสัมพันธ์เกี่ยวกันหรือไปด้วยกันได้  จึงนำมาบูรณาการกัน
                ขั้นที่  2  นำจุดประสงค์ดังกล่าวในขั้นตอนที่  1  มาสร้างเป็นหัวเรื่อง (Theme)  ที่ร่วมกัน ระหว่างจุดประสงค์ที่เลือกไว้
                ขั้นที่  3  ระบุทรัพยากรที่ต้องการ
                ขั้นที่  4  พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน
                ขั้นที่  5  ดำเนินการตามกิจกรรมการเรียนการสอนที่เตรียมไว้
                ขั้นที่  6  ประเมินความก้าวหน้าของนักเรียน
                ขั้นที่  7  ประเมินกิจกรรมการเรียนการสอน
                 ขั้นที่  8  แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างครูด้วยกัน
สำหรับการสอนบูรณาการตามรูปแบบที่  3  (Multidisciplinary  Instruction)  และรูปแบบที่  4  (Transdisciplinary  Instruction)  นั้น  เน้นที่งานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหามากกว่า  1  สาขาวิชาขึ้นไปที่จะให้นักเรียนปฏิบัติหรือศึกษา ดังนั้นวิธีการสร้างบทเรียนแบบบูรณาการในขั้นที่  4  “การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน”  จึงเป็นการกำหนดงานหรือโครงการ  (Project)  ที่จะให้นักเรียนทำ  ทั้งนี้เพราะการสร้างงานหรือโครงการเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการสร้างบทเรียนแบบบูรณาการเพราะสามารถเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลายๆ  สาขาวิชาได้
                งานหรือโครงการที่นักเรียนจะต้องทำมี 4  ประเภทคือ
1.       ข้อสรุป หมายถึงข้อสรุปทั่วไปที่สร้างขึ้นจากการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
2.       กระบวนการ หมายถึงวิธีดำเนินการโดยละเอียดในการแก้ปัญหา หรือในการทำงาน
3.       สิ่งประดิษฐ์ หมายถึงชิ้นงานที่ทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาหรือทำงานต่างๆ
4.       การแสดงออกทางอารมณ์หรือจิตใจที่เป็นผลจากการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ภาพเขียน รูปปั้น หุ่นจำลอง จิตรกรรมฝาผนัง บทความหรือเรียงความ เป็นต้น

ณัฐฎา แสงคำhttp://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1699   ) ได้รวบรวมวิธีการสอนแบบบูรณาการไว้ดังนี้
การสอนแบบบูรณาการ (content and language integrated learning)
CLIL (content and language integrated learning)
       เทคนิคการสอนแบบบูรณาการ (content and language integrated learning) เป็นการนำสาระการเรียนรู้ในวิชาที่สอนไปบูรณาการกับวิชาอื่นๆ 
             บูรณาการ หมายถึงการทำให้สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะขยายความเพิ่มเติมได้อีกว่าหมายถึงการทำ   ให้หน่วยย่อย  ที่สัมพันธ์อิงอาศัยกันเข้ามาร่วมทำหน้าที่อย่างประสานกลมกลืนเป็นองค์รวมหนึ่งเดียว ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวเอง ( พระเทพเวที 2531 : 24 )
             บูรณาการ หมายถึงการนำเอาศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการจัดหลักสูตรแบบบูรณาการ ( Integrated Curriculum ) คือหลักสูตรที่นำเอาเนื้อหาของวิชาต่าง  มาหลอมรวมเข้าด้วยกันทำให้เอกลักษณ์ของแต่ละรายวิชาหมดไป เช่นเดียวกัน การเรียนการสอนที่ดำเนินการด้วยวิธีบูรณาการเราเรียกว่า การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ( Integrated  Instruction ) คือเน้นที่องค์รวมของเนื้อหามากกว่าองค์ความรู้ของแต่ละรายวิชา  และเน้นที่การเรียนของผู้เรียนเป็นสำคัญยิ่งกว่าการบอกเนื้อหาของครู ( สุวิทย์  มูลคำ และคณะ : 2543  )
            ชนาธิป  พรกุล  ได้ให้ความหมายของบูรณาการว่า การเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์ทุกชนิด  ที่บรรจุอยู่ในแผนของหลักสูตร  เป็นการเชื่อมโยงแนวนอนระหว่างหัวข้อและเนื้อหาต่างๆที่เป็นความรู้ทั้ง 3 ด้าน  ได้แก่  พุทธิพิสัย  ทักษะพิสัย  และจิตพิสัย  การบูรณาการทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  และรู้ในเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้ง  การบูรณาการความรู้เป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะในยุคที่มีความรู้  ข้อมูลข่าวสารมาก  จึงเกิดเป็นหลักสูตรที่เรียกว่า  หลักสูตรบูรณาการ  (Integrated  curricula)  ซึ่งพยายามสร้างหัวเรื่อง  (Themes)  ใน  โปรแกรมวิชาโดยนำความคิดหลักในวิชามาสัมพันธ์กัน  และสัมพันธ์กับวิชาอื่นด้วย
               หลักสูตรแบบบูรณาการ (Integrated  Curricula)  เป็น หลักสูตรที่นำเอาศาสตร์สาขาวิชาต่างๆที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อประโยชน์สูงสุดในการจัดหลักสูตรและจัดการเรียน  ทำให้เอกลักษณ์ของแต่ละรายวิชาหมดไป  เกิดเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของหลักสูตรโดยรวม ทำให้เกิดความรู้ที่มีความหมาย มีความหลากหลายและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
       การเรียนการสอนแบบบูรณาการ (Integrated  Instruction)  เน้นที่องค์รวมของเนื้อหามากกว่าองค์ความรู้ของแต่ละรายวิชาและเน้นที่การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญยิ่งกว่าการบอกเนื้อหาของครู
       ลักษณะสำคัญของการบูรณาการ
              ผลการจัดหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ    ถ้าสามารถดำเนินได้อย่างสมบูรณ์แล้วก็ควรจะมีลักษณะโดยรวมดังต่อไปนี้ (ธำรง  บัวศรี : 2532 )
         1.  เป็นการบูรณาการระหว่างความรู้และกระบวนการเรียนรู้  เพราะในปัจจุบันนี้ปริมาณของความรู้มีมากขึ้นเป็นทวีคูณ  รวมทั้งมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเป็นลำดับ  การเรียนการสอนด้วยวิธีการเดิม  อาทิ  การบอกเล่า  การบรรยายและการท่องจำ  อาจจะไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพได้  ผู้เรียนควรจะเป็นผู้สำรวจความสนใจของตนเองว่าในองค์ความรู้หลายหลากนั้น  อะไรคือสิ่งที่ตนเองสนใจอย่างแท้จริง  ตนควรแสวงหาความรู้เพื่อตอบสนองความสนใจเหล่านั้นได้อย่างไร  เพียงใด  ด้วยกระบวนการเช่นไร  ซึ่งแน่นอนว่า กระบวนการเรียนการสอนลักษณะนี้ย่อมขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างบุคคล  (Individual  Differences)ไม่ใช่น้อย
         2.  เป็นการบูรณาการระหว่างพัฒนาการความรู้และพัฒนาการทางจิตใจ  นั่นคือให้ความสำคัญแก่  จิตพิสัย  คือเจตคติ  ค่านิยม  ความสนใจ  และสุนทรียภาพ  แก่ผู้เรียนในการแสวงหาความรู้ด้วย  ไม่ใช่เน้นแต่เพียงองค์ความรู้หรือพุทธิพิสัยแต่เพียงอย่างเดียว  อันที่จริงการทำให้ผู้เรียนเกิดความซาบซึ้งขึ้นเสียก่อนที่จะได้ลงมือศึกษานั้น  นับได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งสำหรับจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ขึ้นทั้งแก่ผู้สอนและผู้เรียน
         3. บูรณาการระหว่างความรู้และการกระทำในข้อนี้ก็มีนัยแห่งความสำคัญและความสัมพันธ์
      เช่นเดียวกับที่ได้กล่าวไว้แล้วในข้อสอง  เพียงแต่เปลี่ยน  จิตพิสัยเป็นทักษะพิสัยเท่านั้น
         4.  บูรณาการระหว่างสิ่งที่เรียนในโรงเรียนกับสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้เรียน คือ การตระหนักถึงความสำคัญแห่งคุณภาพชีวิตของผู้เรียนว่าเมื่อได้ผ่านกระบวนการเรียนการสอนตามหลักสูตรแล้ว สิ่งที่เรียนที่สอนในห้องเรียนจะต้องมีความหมายและมีคุณค่าต่อชีวิตของผู้เรียนอย่างแท้จริง
         5. บูรณาการระหว่างวิชาต่างๆ เพื่อให้เกิด ความรู้ เจตคติและการกระทำที่เหมาะสมกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียนอย่างแท้จริง ตอบสนองต่อคุณค่าในการดำรงชีวิตของผู้เรียนแต่ละคน การบูรณาการความรู้ของวิชาต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อตอบสนองความต้องการหรือเพื่อตอบปัญหาที่ผู้เรียนสนใจจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ควรจะกระทำในขั้นตอนของบูรณาการหลักสูตรและการเรียนการสอนเป็นอย่างยิ่ง
ทำไมต้องบูรณาการหลักสูตรและการเรียนการสอน
 เหตุผลสนับสนุนการบูรณาการ
 1.  การขยายตัวของความรู้ มีเรื่องที่จำเป็นต้องเพิ่มเข้ามาในหลักสูตรมากมาย เช่น เอดส์   เพศศึกษา สิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องหาทางเลือกสาระให้ผู้เรียนเรียนในเวลาที่เท่าเดิม
 2. หลักสูตรปัจจุบันไม่เหมือนชีวิตจริงเพราะเรียนเป็นช่วง โรงเรียนต้องแสดงให้เห็นว่าแต่ละวิชาอิทธิพลต่อผู้เรียนอย่างไร เขาควรต้องเห็นความสำคัญของทุกวิชาที่ถูกจัดเชื่อมโยงกันไว้
 3. ปัจจุบันเราไม่อาจฝึกคนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะไม่ได้ จะต้องฝึกให้ผู้เรียนสามารถ

สรุปการสอนแบบบูรณาการ (integration instruction)
การสอนแบบบูณณาการ คือ  การนำเอาศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการจัดหลักสูตรแบบบูรณาการ ( Integrated Curriculum ) คือหลักสูตรที่นำเอาเนื้อหาของวิชาต่าง ๆ มาหลอมรวมเข้าด้วยกันทำให้เอกลักษณ์ของแต่ละรายวิชาหมดไป เช่นเดียวกัน การเรียนการสอนที่ดำเนินการด้วยวิธีบูรณาการเราเรียกว่า การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ( Integrated  Instruction ) คือเน้นที่องค์รวมของเนื้อหามากกว่าองค์ความรู้ของแต่ละรายวิชา  และเน้นที่การเรียนของผู้เรียนเป็นสำคัญยิ่งกว่าการบอกเนื้อหาของครู
ลักษณะสำคัญของการสอนแบบบูรณาการ  เป็นการบูรณาการระหว่างความรู้ กระบวนการและการปฏิบัติ  การบูณณาการระหว่างวิชา  ตลอดจนระหว่างสิ่งที่เรียนกับชีวิตจริง  เพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดและเกิดความรู้ที่มีความหมาย
วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ ในการเขียนแผนการสอนของผู้สอนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การบูรณาการภายในวิชา  และการบูรณาการระหว่างวิชา
การวางแผนการจัดทำแผนแบบบูรณาการ  ผู้สอนต้องคำนึงสิ่งต่อไปนี้
1. การเลือกหัวเรื่อง จากประเด็นต่าง ๆ ที่ต้องการเรียน เช่น ประเด็นแนวคิด ประเด็นของเนื้อหา เมื่อได้แล้วนำจุดประสงค์ของแต่ละรายวิชา ที่ต้องการให้เกิดการเรียนรู้ของผู้เรียน เข้ามาสร้างเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
2. การนำจุดประสงค์ของรายวิชาต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันมาสร้างเป็นหัวข้อเรื่องและนำมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
ประโยชน์ของการบูรณาการ
1. เป็นการนำวิชาหรือศาสตร์ต่าง ๆ เชื่อมโยงกันภายใต้หัวข้อเดียวกัน
2. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนที่ลึกซึ้ง และมีลักษณะใกล้เคียงกับชีวิตจริง
3. ช่วยให้ผู้เรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจ ในลักษณะองค์รวม
4. ช่วยให้ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ ความเข้าใจ จากสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัว
5. เป็นแนวทางที่ช่วยให้ครูได้ทำงานร่วมกัน หรือประสานงานร่วมกันอย่างมีความสุข
6. ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูได้คิดวิธีการหรือนำเทคนิคใหม่ ๆ มาใช้

ที่มา
ภาศกร   พันธุ์รอด.   [Online]   http://202.44.34.144/kmit/knowledge_detail.php?IDKM=334 . บูรณาการ.  เข้าถึงเมื่อ  20 สิงหาคม  2558.
ยาเบ็น   เรืองเจริญศรี .[Online]   http://www.kroobannok.com/blog/39220   การสอนบูรณาการ . การสอนแบบบูรณาการ. เข้าถึงเมื่อ  20 สิงหาคม  2558.
ณัฐฎา แสงคำ . [Online] http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1699 .
วิธีการสอนแบบบูรณาการ.  เข้าถึงเมื่อ 20 สิงหาคม 2558.