วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความสำคัญของการเรียนรู้

ความสำคัญของการเรียนรู้
      
 http://www.baanjomyut.com/library_2/psychology_of_learning/01.html.  ได้อ้างอิงถึงผลงานของ ดอลลาร์ด และมิลเลอร์ (Dallard and Miller) ได้กล่าวว่า        
การเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ
1.แรงขับ (Drive) เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล เป็นความพร้อมที่จะเรียนรู้ของบุคคลทั้งสมอง ระบบประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ แรงขับและความพร้อมเหล่านี้จะก่อให้เกิดปฏิกิริยา หรือพฤติกรรมที่จะชักนำไปสู่การเรียนรู้ต่อไป
2.สิ่งเร้า (Stimulus) เป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้บุคคลมีปฏิกิริยา หรือพฤติกรรมตอบสนองออกมา ในสภาพการเรียนการสอน สิ่งเร้าจะหมายถึงครู กิจกรรมการสอน และอุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่ครูนำมาใช้
3.การตอบสนอง (Response) เป็นปฏิกิริยา หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมาเมื่อบุคคลได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า ทั้งส่วนที่สังเกตเห็นได้และส่วนที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เช่น การเคลื่อนไหว ท่าทาง คำพูด การคิด การรับรู้ ความสนใจ และความรู้สึก เป็นต้น
4.การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นการให้สิ่งที่มีอิทธิพลต่อบุคคลอันมีผลในการเพิ่มพลังให้เกิดการเชื่อมโยง ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองเพิ่มขึ้น การเสริมแรงมีทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของบุคคลเป็นอันมาก


      ชาญชัย อินทรประวัติ  (http://www.kroobannok.com/blog/45566.)  ได้กล่าวว่า
1. ผู้เรียนควรจะมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างจริงจัง (Active Participation) หมายความว่า เมื่อครูสอนนักเรียนก็จะต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมการสอนของครูทั้งกายและใจ นักเรียนที่นั่งเหม่อลอยหรือนั่งหลับในขณะที่ครูสอนถือว่าไม่มีส่วนร่วมมากนัก นักเรียนที่ไม่ยอมคิดเมื่อครูถามคำถามก็ถือว่า ไม่มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน นักเรียนที่ลอกการบ้านเพื่อนแทนที่จะทำเอง ถือว่ามีส่วนร่วมเหมือนกันแต่ไม่เข้าขั้น active นักเรียนที่เข้าห้องปฏิบัติการแต่ไม่ยอมทำอะไรเองคอยอาศัยแต่เพื่อน ก็ถือว่าไม่มีส่วนร่วมอย่างจริงจังเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองผู้หลักผู้ใหญ่สมัยก่อนเขาจึงสอนเด็ก ๆ ว่า จะต้องเป็นคนเอาตาดู เอาหูฟัง และเอาใจใส่กับเรื่องรอบ ๆ ตัว จึงจะเฉลียวฉลาดทันคน
2. ผู้เรียนควรจะได้เรียนรู้ทีละขั้นทีละตอนจากง่ายไปสู่ยากและจากไม่ซับซ้อนไปสู่รูปที่ซับซ้อน (Gradual approximation) ตัวอย่างเช่น เด็ก ๆ ต้องบวกลบเลขเป็นเสียก่อนจึงจะสามารถเรียนรู้การคูณและการหาร คนเราต้องพูดเป็นคำ ๆ ได้เสียก่อนจึงจะสามารถพูดเป็นประโยคได้ หรือต้องเดินให้ได้เสียก่อน แล้วจึงวิ่งค่อยเหยาะ ๆ จากนั้นจึงวิ่งเร็ว ๆ เช่นนี้เป็นต้น ครูที่หวังจะสอนนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้จึงต้อง รู้จักแบ่งเนื้อหา และจัดลำดับเนื้อหาตามความยากง่าย แล้วจึงนำมาสอนทีละขั้นทีละตอนอย่างเหมาะสม
3. หลักการที่สามคือ ให้นักเรียนได้รับข้อมูลย้อนกลับที่เหมาะสมและไม่เนิ่นนานจนเกินไป (Immediate feedback) เมื่อนักเรียนได้ทำกิจกรรมตามคำแนะนำหรือคำสั่งของครูไป แล้วเขาก็มักอยากจะ รู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้วหรือยัง ถ้าเขาได้รับข้อมูลย้อนกลับทันการและเหมาะสมเขาก็จะเกิดการเรียนรู้ ที่ดีรวมทั้งเกิดความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ต่อไป แต่ถ้าเขาไม่ได้รับข้อมูลย้อนกลับหรือต้องคอยเป็นเวลานานจึงจะได้รับเขาจะเกิดการเรียนรู้น้อย และในขณะเดียวกันความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ก็จะมีไม่มาก เพราะฉะนั้นครูจึงควรตระหนักในสิ่งต่อไปนี้
เมื่อเด็กตอบคำถามเขาจะต้องได้รับการบอกกล่าวว่าคำตอบของเขานั้นถูกหรือผิดประการใด
เมื่อเด็กการบ้านมาส่ง ครูต้องตรวจ และให้คำแนะนำให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้

เมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมในการเรียนรู้ภาคปฏิบัติทักษะ ครูต้องคอยดูและคอยบอกว่าเขาปฏิบัติได้ถูกต้องแล้วหรือยัง
4. หลักการข้อที่สี่ การเสริมแรงหรือให้กำลังใจที่เหมาะสม (Appropriate Reinforcement)
ผู้เรียนทุกคนไม่ว่าอายุมากหรืออายุน้อย ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนต้องการกำลังใจหรือการเสริมแรงเพื่อให้ฟันฝ่าอุปสรรค แสวงหาความรู้ต่อไป ซึ่งการให้กำลังใจของครูอาจจะกระทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
-เมื่อเด็กพยายามจะเล่าถึงความสำเร็จในการเรียนรู้ของเราเองให้ครูฟัง ครูก็ควรต้องมีเวลาฟัง
-เมื่อเด็กมีคำถามและนำมาปรึกษา ครูก็ให้คำปรึกษาด้วยความเต็มใจ
-เมื่อเด็กทำงานถูกต้องตามที่ควรจะเป็น ครูก็ชมเชย
-เมื่อเด็กมีผลงานอยู่ในระดับดีมาก สามารถเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นได้ ครูก็ยกย่องให้ปรากฏ
-เมื่อเด็กมีผลงานที่ถูกต้อง แม้ไม่สมบูรณ์แบบ ครูก็ชมเชยในส่วนที่ถูกและชี้แนะในสิ่งที่ผิดฯลฯ
การเสริมแรงหรือการให้กำลังใจที่ดีจะต้องมีความพอเหมาะพอสมกับผลงาน คือ ไม่ชมเชยจนเกินความเป็นจริง เพราะจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ แต่ก็ต้องไม่น้อยจนเกินไป เช่น สำหรับเด็ก นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่มีผลการเรียนเฉลี่ย 3.39 อาจารย์ที่ปรึกษาก็น่าจะพูดชมเชยด้วย เพราะการยิ้ม ๆ อย่างเดียวก็น่าจะน้อยเกินไป แต่สำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาอาจจะไม่ต้องพูดชมเชยด้วยก็ได้เพราะเขาโตแล้ว     
                                                   
 www.crc.ac.th/online/75107/psychology2.ppt. ได้อ้างอิงถึงผลงานของRichard   R.  Bootsin   ได้กล่าวว่า
การเรียนรู้เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต
            -   มนุษย์มีการเรียนรู้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงก่อนตาย
-   ไม่มีใครแก่เกินที่จะเรียน   No  one  old  to  learn
-   การเรียนรู้จะช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น                                                                                                                                                                                                                                           สรุป  ความสำคัญของการเรียนรู้มีความสำคัญคือ  การเรียนรู้เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต และการเรียนรู้จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้  ความสำคัญของการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ 4 ประการ ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้  ได้แก่  แรงขับ  สิ่งเร้า การตอบสนอง  และการเสริมแรง                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                              

ที่มา  
                                                                                                                                              ดอลลาร์ดและมิลเลอร์ [online] http://www.baanjomyut.com/library_2/psychology_of_learning/01.html.                      ความสำคัญของการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ 22 มิถุนายน  2558.                                                                                                                                                                                                                                               
ชาญชัย อินทรประวัติ [online]  http://www.kroobannok.com/blog/45566 .ความสำคัญของการเรียนรู้.  เข้าถึงเมื่อ 22 มิถุนายน  2558.                                                                                                                                                                                                                                                                         Richard   R.  Bootsin [online]   www.crc.ac.th/online/75107/psychology2.ppt .  ความสำคัญของการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ 22 มิถุนายน  2558.


   

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความหมายของการเรียนรู้

ความหมายของการเรียนรู้

ได้กล่าวถึงการเรียนรู้เป็นการแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลง  อันเป็นผลเนื่องมาจากประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลประสบมา

        Press ,  Robinson and Horrock  (http://www.slideshare.net/unyaparn/learning-12074199)ได้กล่าวถึง ความหมายของการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่บุคคลได้พยายามปรับพฤติกรรมของตน  เพื่อเข้ากับสภาพแวดล้อมตามสถานการณ์ต่างๆ  จนสามารถบรรลุถึงเป้าหมายตามที่แต่ละบุคคลได้ตั้งไว้

         คิมเบิล  (http://www.novabizz.com/NovaAce/Learning/Learning_Process.htm)ได้กล่าวถึง ความหมายของการเรียนรู้ว่า  การเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลงศักยภาพแห่งพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร  ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกหรือการปฎิบัติที่ได้รับการเสริมแรง


      สรุปความหมายของการเรียนรู้    

           จากความหมายข้างต้นสรุปความหมายของการเรียนรู้ คือ กระบวนการ พฤติกรรมที่บุคคลหนึ่งๆนั้นได้เกิดการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนหรือ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  ตามประสบการณ์ที่ได้พบเจอ  ตลอดจนการส่งเสริมจากภายนอกและบุคคลอื่น  เพื่อที่จะบรรลุตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้และเกิดความรู้ที่ถาวร



ที่มา
ความหมายของการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ 17 มิถุนายน  2558.

Press ,  Robinson and Horrock [online] http://www.slideshare.net/unyaparn/learning-12074199.ความหมายของการเรียนรู้.   เข้าถึงเมื่อ 17 มิถุนายน  2558.

คิมเบิล [online] http://www.novabizz.com/NovaAce/Learning/Learning_Process.htm.ความหมายของการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ 17 มิถุนายน  2558.